Signs of Fed rate cut delay อัตราเงินเฟ้อ (CPI) ของสหรัฐฯ ที่สูงกว่าที่คาดการณ์ในเดือนมี.ค. สะท้อนว่าการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดเป็นไปได้ยาก จึงมีโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยน้อยกว่า 3 ครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐสาขาแอตแลนตา เปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.9% ในไตรมาส 1/2024 บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่งจะสร้างแรงกดดันต่อภาวะเงินเฟ้อ ทาง LH Bank Advisory ได้ประเมินแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อและกลยุทธ์การลงทุนไว้ดังนี้
ดังนั้นภาพรวมไตรมาส 1 ตลาดประเมินอัตราการเติบโตของผลประกอบการบริษัทฯ S&P 500 ที่ 3% ใกล้เคียงกับประมาณการ GDP ทางเราจึงมองว่าเป็นไปได้ โดยมีกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ Magnificent 7 เป็นกลุ่มขับเคลื่อนหลัก ซึ่งถ้าแยกออกมาจาก S&P 500 ทำให้อัตราเติบโตกำไร S&P 500 ติดลบ 4% อย่างไรก็ตามประมาณการกำไร S&P 500 ปีนี้ เติบโต 10-12% ทางเราประเมินว่าต้องอยู่ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่สนับสนุน ได้แก่ 1. เศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่เกิดภาวะถดถอย และรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ชนะเลือกตั้งยังดำเนินนโยบายขาดดุลทางการคลังกระตุ้นการบริโภคและการจ้างงานต่อเนื่อง 2. เงินเฟ้อสูงขึ้นแต่ไม่พุ่งแรงขึ้นจนเหนืออัตราดอกเบี้ยนโยบายจนเป็นเหตุกดดันให้ปรับขึ้นดอกเบี้ย 3. Refinance ของบริษัทฯ ในครึ่งปีหลังเริ่มเผชิญต้นทุนสูงขึ้น ซึ่งคาดว่า มีโอกาสเห็นการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้นแต่เสียหายในวงจำกัด ทั้งนี้ผลของสามสถานการณ์อาจจะเป็นไปได้ยากที่จะเห็นการลดดอกเบี้ยในปีนี้ และเพิ่มปัญหาหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ปรับสูงขึ้น จนทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อยู่ในระดับสูง กดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวน เพราะผิดจากที่ตลาดคาดหวังไว้ตอนต้นปี ทางเราจึงแนะนำนักลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ เน้นกลุ่มหุ้นคุณค่าที่มีความผันผวนต่ำ ขณะที่นักลงทุนที่สนใจหุ้นเติบโต เพื่อคาดหวังผลตอบแทนระยะยาว แนะนำเลือกลงทุนในกลุ่มเซมิฯ ซึ่งเป็นหุ้นคุณค่า ที่มีแนวโน้มรายได้เติบโต และมีปัจจัยสนับสนุนเฉพาะตัว เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อกลุ่มเทคโนโลยีขั้นสูง
ประกาศ ณ วันที่ 22 เมษายน 2567