The Missing Catalysts of China Market ดัชนี CSI 300 ที่สะท้อนภาพรวมตลาดหุ้นจีนและดัชนี HSCEI ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงได้ปรับตัวลงกว่า 10% จากจุดสูงสุดในเดือนพ.ค. จากภาพรวมทั้งภายในประเทศและต่างประเทศที่ยังขาดปัจจัยหนุน (Catalysts) ในระยะสั้น ขณะที่จากการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 3 (Third Plenum) มุ่งเน้นนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ปฏิรูประบบการศึกษา ปรับปรุงระบบการเงินการคลัง การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน และการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด อย่างไรก็ตาม ในการประชุมยังไม่ได้มีการประกาศรายละเอียดของนโยบายเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปอย่างเป็นรูปธรรมและไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น ซึ่งทาง LH Bank Advisory ประเมินความท้าทายของเศรษฐกิจจีนในการบรรลุเป้าหมายการเติบโตของ GDP ทั้งปีในปี 2024 ที่ 5% ดังนี้
ทาง LH Bank Advisory ประเมินว่าภาคการผลิตและการบริโภคภายในประเทศของจีนยังคงเปราะบาง สะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการผลิตของ Caixin เดือนก.ค. อยู่ที่ 49.8 ลดลงจาก 51.8 จุด ในเดือนมิ.ย. และดัชนี PMI ภาคการผลิตของ NBS เดือนก.ค. ปรับตัวลดลงสู่ 49.4 จุด หดตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และธนาคารจีนปล่อยสินเชื่อใหม่ 260,000 ล้านหยวน (36,280 ล้านดอลลาร์) ในเดือนก.ค. ลดลงเกือบ 88% จากเดือนก่อน ทั้งนี้แม้ว่าดัชนี CSI 300 เทรดอยู่ที่ Forward P/E 11.6 เท่า (ต่ำกว่า -1 S.D.) แต่นักวิเคราะห์ได้ปรับลดประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ของดัชนี CSI 300 ในปีนี้ลงประมาณ 6% ทางเราจึงแนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นจีนลง จากตัวเลขเศรษฐกิจของจีนส่วนใหญ่ยังไม่ส่งสัญญาณฟื้นตัว
Chinese Corporate Bonds Under Pressure amid PBoC rate cut รายงานตัวเลขภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนออกมายังคงอ่อนแออย่างต่อเนื่อง โดยถูกกดดันจากทั้งปัจจัยภายนอก อย่างสงครามการค้าระหว่างจีน และสหรัฐฯ ที่ขยายตัวออกไปยังเอเมริกาใต้ และยุโรป อีกทั้งการกระจายศูนย์การผลิตออกจากจีน ส่งผลให้ FDI ของจีนลดลงอย่างต่อเนื่อง กระทบการบริโภคภายในประเทศจีนให้ชะลอตัวลง ทำให้ตลาดประเมินว่าธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มที่จะลดอัตราดอกเบี้ย สอดคล้องกับ Fed อย่างไรก็ตามทางเราประเมินว่าตราสารหนี้จีนในปัจจุบันก็ยังไม่มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัว โดยเฉพาะตราสารหนี้ภาคเอกชน ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่า Investment Grade
เมื่อพิจารณาจาก China Credit Spread ที่มีความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับ AAA+ ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากตั้งแต่ช่วงต้นปี บ่งชี้ความเสี่ยงสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้จีนมากขึ้น อีกทั้งอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง สะท้อนความน่าสนใจของตราสารหนี้จีนที่มีน้อยลงไปอีก โดยรายงานของ HSBC ระบุว่า Fund Flow ไหลเข้าพันธบัตรจีน ส่งผลให้ Bond Yield 10 ปี ของจีน ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุด เนื่องจากนักลงทุนเกิดภาวะ Risk Off จากการลงทุนในจีน จนทำให้รัฐบาลจีนควบคุมการซื้อขายพันธบัตรของธนาคารท้องถิ่นอีกด้วย ดังนั้นทางเราจึงแนะนำให้ Wait & See ตราสารหนี้จีน โดยเฉพาะตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำ
ประกาศ ณ วันที่ 19 สิงหาคม 2567