Q1 Earnings Season Poised to Fuel Stock Rally? เข้าสู่ฤดูกาลประกาศงบไตรมาสที่ 1 ของปี 2024 ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อ หรือปรับฐาน ทั้งนี้หากมองตลอดช่วงไตรมาสแรกของปี การปรับขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เกิดจากความคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) 3 ครั้งในปีนี้ และอีกปัจจัยจากการปรับประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนขึ้นทั้งในดัชนี S&P500 และ NASDAQ ทาง LH Bank Advisory พิจารณาตัวเลขทางเศรษฐกิจเพื่อบ่งบอกแนวโน้มอัตราการเติบโตของรายได้บริษัทฯ ไว้ดังนี้
ดังนั้นภาพรวมไตรมาส 1 ตลาดประเมินอัตราการเติบโตของผลประกอบการบริษัทฯ S&P 500 ที่ 3% ใกล้เคียงกับประมาณการ GDP ทางเราจึงมองว่าเป็นไปได้ โดยมีกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ Magnificent 7 เป็นกลุ่มขับเคลื่อนหลัก ซึ่งถ้าแยกออกมาจาก S&P 500 ทำให้อัตราเติบโตกำไร S&P 500 ติดลบ 4% อย่างไรก็ตามประมาณการกำไร S&P 500 ปีนี้ เติบโต 10-12% ทางเราประเมินว่าต้องอยู่ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่สนับสนุน ได้แก่ 1. เศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่เกิดภาวะถดถอย และรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ชนะเลือกตั้งยังดำเนินนโยบายขาดดุลทางการคลังกระตุ้นการบริโภคและการจ้างงานต่อเนื่อง 2. เงินเฟ้อสูงขึ้นแต่ไม่พุ่งแรงขึ้นจนเหนืออัตราดอกเบี้ยนโยบายจนเป็นเหตุกดดันให้ปรับขึ้นดอกเบี้ย 3. Refinance ของบริษัทฯ ในครึ่งปีหลังเริ่มเผชิญต้นทุนสูงขึ้น ซึ่งคาดว่า มีโอกาสเห็นการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้นแต่เสียหายในวงจำกัด ทั้งนี้ผลของสามสถานการณ์อาจจะเป็นไปได้ยากที่จะเห็นการลดดอกเบี้ยในปีนี้ และเพิ่มปัญหาหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ปรับสูงขึ้น จนทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อยู่ในระดับสูง กดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวน เพราะผิดจากที่ตลาดคาดหวังไว้ตอนต้นปี ทางเราจึงแนะนำนักลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ เน้นกลุ่มหุ้นคุณค่าที่มีความผันผวนต่ำ ขณะที่นักลงทุนที่สนใจหุ้นเติบโต เพื่อคาดหวังผลตอบแทนระยะยาว แนะนำเลือกลงทุนในกลุ่มเซมิฯ ซึ่งเป็นหุ้นคุณค่า ที่มีแนวโน้มรายได้เติบโต และมีปัจจัยสนับสนุนเฉพาะตัว เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อกลุ่มเทคโนโลยีขั้นสูง
Gold price on US rate cut hopes ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 2,300 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือให้ผลตอบแทนที่ 13% ตั้งแต่ต้นปี อ้างอิงจากบทความ Arch Lumpini ฉบับที่ 6 พ.ย. 23 หัวข้อ Gold Supercycle ซึ่งทองคำได้แรงหนุนจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในฐานะทุนสำรองระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยของ JPMorgan Chase & Co. ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาทองคำสำหรับสิ้นปี 2024 เป็น 2,500 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งทาง LH Bank Advisory ประเมินว่าทองคำยังคงมีปัจจัยที่หนุนให้ราคาสามารถปรับตัวขึ้นไปต่อได้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักๆ คือ
ทาง LH Bank Advisory ประเมินว่าด้วยปัจจัยหนุนข้างต้นจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ราคาทองคำในปีนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบระดับ 2,500 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้ หากต้องถือทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยง แนะนำลงทุนไม่เกิน 10-15% ของพอร์ตการลงทุน
Spotlight on Indonesia ภายหลังการเลือกตั้งสิ้นสุดลง โดยปราโบโว ซูเบียนโต ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งมี ยิบราน รากาบูมิง ที่เป็นบุตรชายคนโตของอดีตประธานาธิบดี โจโก วีโดโด หรือ โจโกวี มาดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี จึงทำให้ทางเราประเมินว่าแนวโน้มการดำเนินนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับรัฐบาลของ โจโกวี ส่งผลให้ตลาดหุ้นอินโดนีเซียเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยมี Fund Flow จากต่างประเทศเริ่มไหลเข้ามา จึงประเมินว่าตลาดหุ้นอินโดนีเซียมีปัจจัยสนับสนุนทั้งในระยะสั้นและระยะยาวดังนี้
Announcement on 15 April 2024