Out the Goldilocks to Stagflation era
จัดพอร์ตลงทุนอย่างไร เมื่อเศรษฐกิจก้าวออกจากภาวะ Goldilocks (เศรษฐกิจที่ขยายตัวและอัตราเงินเฟ้อไม่ได้เพิ่มขึ้น) ไปสู่ภาวะ Stagflation (อัตราการเติบโตต่ำสวนทางกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น) ข้อบ่งชี้เกิดขึ้นหลังราคาน้ำมันเร่งตัวขึ้น อันมีสาเหตุจากฝั่งอุปทานน้ำมันโลกยังคงตึงตัว จากการที่รัสเซียและซาอุดีอาระเบียลดปริมาณส่งออกน้ำมันลง 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปจนถึงสิ้นปีนี้ ขณะที่อุปสงค์ของน้ำมันเพิ่มขึ้นตามผลของฤดูกาล ขณะเดียวกันผลกระทบของเอลนีโญ่ที่รุนแรงขึ้นได้ซ้ำเติมให้เกิดความขาดแคลนด้านอุปทานของกลุ่มพืชพันธุ์ จึงเสมือนเชื้อเพลิงที่ผลักดันเงินเฟ้อขยายตัว สวนทางกับภาพของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตามปัญหาของเงินเฟ้อที่ยังรุมเร้าจะกลายเป็นแรงกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต้องรักษาท่าทีของการดำเนินนโยบายเข้มงวดไว้ จึงเป็นเหตุให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายถูกคงไว้ในระดับสูงและยืดเยื้อ ซึ่งทาง LH Bank Advisory มองว่าเป็นไปได้ยากที่จะเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ยภายในไตรมาสแรกปี 2024 ตามที่ตลาดคาดหวัง และผลพวงของอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ไปลดทอนความมั่งคั่งของผู้บริโภค จนกดดันให้อุปสงค์ชะลอตัวลง เป็นเหตุให้ความสามารถในการต่อรองราคาของบริษัทหายไป และกำไรปรับลดลงตามมา ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนที่ใช้รับมือช่วงที่เหลือของปี คือ การเลือกบริษัทที่ดี มีมูลค่าเหมาะสม และยังมีโอกาสรักษาอัตรากำไรให้เติบโตไว้ลงทุน ทางเราขอเสนอ กองทุนแนะนำ กองทุนเปิด เอ เอฟ ยูเอส ไวด์ โมท เฮดจ์ (AFMOAT-HA) โดยกองทุนหลัก VanEck Morningstar Wide Moat ETF (MOAT) มีการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินไม่น้อยกว่า 90% จุดเด่นสำคัญของกลยุทธ์ในการคัดเลือกหุ้นลงทุนตามหลักป้อมปราการ (MOAT) ซึ่งมาจากแนวคิดของ คุณวอร์เรน บัฟเฟต ที่ให้หลักการว่า บริษัทฯ มีความสามารถในการคงความได้เปรียบจากคู่แข่ง ทำให้สามารถสร้างกำไร และส่วนแบ่งทางการตลาดในระยะยาวได้ และหากเราพิจารณาเพิ่มไปที่จุดเด่นกองทุนที่สำคัญ พบว่า 1) เป็นหุ้นกลุ่มมูลค่าที่รายได้เติบโต (Value Growth) 2) การให้สัดส่วนการลงทุนที่น้ำหนักเท่า ๆ กัน (Equal Weight) เพื่อลดการพึ่งพาหุ้นตัวใดตัวหนึ่งมากเกินไป และ 3) เป็นกองทุนที่รับมือได้ทุกสภาวะการลงทุน โดยในระยะเวลาที่เหลือของปี 2023 ทางเราคาดการณ์สถานการณ์หุ้นในสหรัฐฯ ดังต่อไปนี้
จากเกมสู่กระแส eSports เมื่อ eSports ไม่ใช่แค่เกมแต่กลายเป็นธุรกิจอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทั้งด้าน Hardware และ Software ตั้งแต่บริษัทพัฒนาและจัดทำเกม บริษัทที่ผลิตอุปกรณ์สำหรับการแข่งขัน รวมไปถึงบริษัทที่เป็นเจ้าของหรือจัดการแข่งขันระหว่างทีม eSports ต่างๆ โดยกระแส AI ได้เข้ามามีส่วนร่วมในวงการ eSports มากขึ้น ด้วยการใช้ AI มาเพิ่มผลิตภาพ ปรับปรุงทักษะและใส่ข้อมูลความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาเกม หุ้นที่เกี่ยวข้องกับ Video Gaming และ eSports ได้ปรับตัวขึ้นมากว่า 40% จากจุดต่ำสุดในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว แม้ธุรกิจเกมและเทคโนโลยีจะเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ใกล้จุดสูงสุดจึงลดแรงกดดันทั้งในเรื่องของการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ และการปรับตัวขึ้นของ Bond Yield อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่มนี้ได้ปรับตัวลงในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมากว่า 10% โดยทางการจีนเสนอร่างกฎหมายเรื่องการจำกัดเวลาการใช้งานสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวันนั้น ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทเกมสัญชาติจีนรายใหญ่ อย่าง Tencent และ NetEase ปรับตัวลง แต่ความเสี่ยงขาลง (Downside Risk) เริ่มจำกัด เนื่องจากรายได้ธุรกิจเกมจากเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี มีสัดส่วนต่ำกว่า 3% ของรายได้ทั้งหมด และบริษัทฯ มีการขยายตลาดเกมไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก และทางบริษัทเกมญี่ปุ่น อย่าง Nintendo และ Capcom ก็ปรับฐานตามตลาดเช่นกัน ขณะที่ Nvidia ผู้ผลิตชิป GPU รายหลักของโลก มีสัดส่วนรายได้ราว 1 ใน 5 มาจากการ์ดจอในธุรกิจเกม โดยรายได้จากธุรกิจเกมขยายตัว 22%YoY ในไตรมาส 2/2023 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความต้องการชิป AI ที่เพิ่มขึ้น สำหรับกองทุนเปิด แอล เอช อีสปอร์ต (LHESPORT-A) ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนใน VanEck Vectors Video Gaming and eSports ETF (ESPO) ที่มีนโยบายลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวกับวิดีโอเกมและ eSports ซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ โดยหุ้นที่มีสัดส่วนสูงในพอร์ตอย่าง Nvidia และ AMD สามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งในปีนี้ ประกอบกับกระแส AI ในปัจจุบันได้เข้ามาช่วยเพิ่มผลผลิต (Productivity) และประสิทธิภาพที่ดีขึ้นของการทำงาน และยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมากในระยะยาว ทั้งนี้ แนวโน้มระยะสั้นคาดว่าตลาดอาจจะยังมีการเคลื่อนไหว sideway ซึ่งตลาดยังคงรอดูการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 19-20 ก.ย. นี้ และความชัดเจนในการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางการจีน และราคาหุ้นในกลุ่มนี้กำลังอยู่ในวงจรของการพักฐาน แนะนำให้ระมัดระวังความผันผวนจากการลงทุนในระยะสั้น ส่วนนักลงทุนระยะยาวอาจใช้จังหวะที่ตลาดมีการพักฐานปรับตัวลงมาทยอยเข้าสะสมลงทุนได้ จากพื้นฐานด้านงบการเงินที่แข็งแกร่ง (Quality Growth) และภาพอุตสาหกรรมยังมีแนวโน้มเติบโตในอนาคต
ประกาศ ณ วันที่ 18 กันยายน 2566