Personal > LH Bank Advisory > Weekly Report > Wealth Weekly Report 14-10-2024

Wealth Weekly Report 14-10-2024
 

RISING HEADWIND
  • ทาง LH Bank Advisory ประเมินว่าตลาดหุ้นอินเดียจะเผชิญกับความผันผวนที่มากขึ้นในช่วงถัดไป เนื่องจากหุ้นอินเดียปรับตัวขึ้นจากการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน ซึ่งได้รับอานิสงส์จากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในขณะที่รัฐบาลอินเดียอัดฉีดนโยบายการคลัง เพื่ออุดหนุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี หลังจากที่เศรษฐกิจอินเดียเติบโตอย่างรวดเร็วส่งผลให้ Base Effect ที่ค่อนข้างสูง กดดันการขยายตัวในระยะถัดไป ซึ่ง GDP ส่วนใหญ่มาจากการบริโภค และโครงการภาครัฐสนับสนุนให้เกิดการจ้างงาน และช่วยให้การบริโภคปรับตัวดีขึ้น หากแต่พบว่า การลงทุนส่วนใหญ่มาจากภาครัฐ ในขณะที่การลงทุนภาคเอกชนยังคงอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนการขยายตัวภาคธุรกิจอาจไม่แข็งแกร่งอย่างที่คาด หลักฐานจากผลผลิตของโครงสร้างพื้นฐานเริ่มชะลอตัวลง และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ในทำนองเดียวกันสำหรับการเติบโตของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนก็มีแนวโน้มเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป 
  • ขณะที่ Forward P/E อยู่ในระดับค่อนข้างแพง จึงมองว่าราคาหุ้นอินเดียไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานที่เกิดขึ้น ประกอบกับเม็ดเงินของต่างชาติเริ่มไหลออกจากตลาดหุ้นอินเดีย ส่งผลให้เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ Sentiment ของตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐาน จะกระทบต่อการปรับฐานของหุ้นอินเดียอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามด้วยการอัดฉีดโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้น เป็นรากฐานของการเติบโตของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในอนาคต ทางเราจึงแนะนำให้ทยอยลดสัดส่วนหุ้นอินเดีย และเริ่มเข้าสะสมเมื่อตลาดหุ้นอินเดียเกิดการพักฐาน เพื่อรับโอกาสการเติบโตในระยะยาว

TOPIC FOCUS

India equity face worst-than-expected

“หุ้นอินเดียแพง แต่อนาคตไกล” เป็นวลีที่ถูกตั้งคำถามกับตลาดหุ้นน้องใหม่ไฟแรง ‘Nifty Index’ ที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตลอด 2 ปีที่ผ่านมา โดยได้รับอานิสงส์จาก Deglobalization โดยบริษัททั่วโลกกระจายฐานการผลิตออกจากจีน และสงครามการค้าระหว่าง จีน – สหรัฐฯ ส่งผลให้ IMF คาดว่าในอนาคต GDP ของอินเดียจะขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 3 ของโลกเป็นรองเพียง สหรัฐฯ และจีน เท่านั้น อย่างไรก็ดีด้วยความคาดหวังและการเติบโตของเศรษฐกิจที่รวดเร็ว ทาง LH Bank Advisory ประเมินว่าตลาดหุ้นอินเดียยังคงพบปัจจัยกดดันดังต่อไปนี้

  • เศรษฐกิจอินเดียเผชิญการเติบโตในอัตราที่ลดลง สาเหตุมาจากผลของฐานที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ไหลทะลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่รัฐบาลสร้างมาตรการรองรับ โดยการอุดหนุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ทำให้การเติบโตของอินเดียในช่วงที่ผ่านมาถูกขับเคลื่อนด้วยนโยบายภาครัฐ อย่างไรก็ดียังไม่พบว่าการลงทุนจากภาคเอกชนจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต้องใช้ระยะเวลาอีกหลายปี กว่าจะพร้อมสำหรับการใช้งาน หลักฐานจากการผลผลิตจากโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Output) ที่หดตัวลงครั้งแรกในรอบ 30 เดือน ประกอบกับดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI Index) ทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการมีแนวโน้มชะลอตัวลง แม้จะยังอยู่ในโซนที่ขยายตัวก็ตาม ทางเราจึงประเมินว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจของอินเดียจะค่อยๆ ชะลอตัวลงในอนาคต
  • ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในอินเดียเติบโตช้ากว่าความคาดหวังของนักลงทุน หลักฐานจาก Forward P/E ของหุ้นอินเดียที่อยู่ในระดับสูงกว่า +1SD เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปี ในขณะที่ผลประกอบการในไตรมาส 2 เริ่มชะลอการเติบโตลง เนื่องจากการลงทุนจากต่างประเทศ หลักๆ มาจากการผลิตและประกอบชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Smart Phone ซึ่งพบว่าอุปสงค์ทั่วโลกที่เริ่มชะลอตัวลง และยอดขาย iPhone ที่ชะลอตัวลง ไม่เพียงเท่านั้นเมื่อ Fed เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ต่อเสถียรภาพค่าเงินรูปี ซึ่งมีแนวโน้มที่ธนาคารกลางอินเดียจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะถัดไป อย่างไรก็ดีกลุ่มธนาคาร มี Market Capital ใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นอินเดีย จึงมีแนวโน้มรายได้จากอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่จะกดดันผลประกอบการของกลุ่มทนาคารลง สะท้อนในภาพของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนโดยรวมที่ชะลอตัวลงด้วยเช่นกัน 
  • เงินทุนจากต่างประเทศไหลออกจากตลาดหุ้นอินเดีย โดยพบว่าเงินทุนจาก Active Fund เริ่มไหลออกจากตลาดหุ้นอินเดียอย่างต่อเนื่อง และในช่วงที่ผ่านมาพบว่านักลงทุนในประเทศนำเข้ามาซื้อหุ้นเป็นจำนวนมาก บ่งชี้ว่าเม็ดเงินอาจจะไม่คงอยู่อย่างถาวร โดยเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอาจนำไปสู่การเทขาย และหุ้นปรับตัวลงอย่างรวดเร็วได้

ด้วยเหตุนี้ทางเราจึงประเมินว่าในระยะสั้น และระยะกลาง ในช่วงที่ธนาคารกลางอินเดียพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลให้ตลาดหุ้นอินเดียมีความผันผวนมากขึ้น หรืออาจจะเกิดแรงเทขายออกมาจาก Sentiment ของตลาดหุ้นทั่วโลกได้ อย่างไรก็ดีการพิจารณาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของอินเดีย เป็นพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะทำให้เศรษฐกิจอินเดียขยายตัวได้อย่างยั่งยืนในอนาคต ดังนั้นจึงแนะนำให้ Take Profit หุ้นอินเดีย และเตรียมสะสมหุ้นอินเดียเมื่อปรับฐาน

Weekly Report 14-10-2024

Announcement on 14 October 2024

เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง