Personal > LH Bank Advisory > Weekly Report > Wealth Weekly Report 21-08-2023

Wealth Weekly Report 21-08-2023
 

#ส่องโอกาสการลงทุน
  • LH Bank advisory มองว่าการเปิดประเทศของจีนครั้งนี้ส่งผลเชิงบวกต่อการฟื้นตัวภาคการบริโภคจีนได้บางส่วน แต่ได้สร้างอานิสงส์แก่กลุ่มท่องเที่ยวโลก ด้วยเหตุนี้เรามีมุมมองเชิงบวกในระยะสั้น (Slightly Positive) กับกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากกลุ่มท่องเที่ยว จากกระแส China Reopening ที่เด่นชัดอีกครั้ง พร้อมกับความต้องการเดินทางท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาส 3 ซึ่งจะเป็นช่วง high season จะช่วยหนุนให้กลุ่มท่องเที่ยวให้ฟื้นตัว กองทุนที่ได้รับประโยชน์จากประเด็นดังกล่าว คือ TMB-ES-CHILL กับ SCBTRAVEL ขณะที่ในระยะยาวกลุ่มท่องเที่ยวมีแนวโน้มรายได้ชะลอตัวตามการเติบโตเศรษฐกิจโลกที่เข้าสู่ช่วงถดถอย
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์ GDP ของอินเดียในปี 2566 จาก 5.9% เป็น 6.1% ซึ่งเมื่อพิจารณาจากดัชนี PMI (Purchasing Managers Index) อยู่เหนือระดับ 50 เป็นเวลานานถึง 2 ปี บ่งชี้ว่าภาคการผลิตและภาคบริการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และตลาดหุ้นอินเดียมีปัจจัยหนุนจากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าต่อเนื่อง แม้ด้านระดับราคา (Valuation) ของตลาดหุ้นอินเดียอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน แต่ถูกปรับการคาดการณ์กำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ตลาดหุ้นอินเดียยังคงมีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับโอกาสการเติบโตที่สูงในอนาคต 

TOPIC FOCUS

จีนเปิดเมืองรอบใหม่ หนุนกลุ่มท่องเที่ยวให้ปรับขึ้นระยะสั้น

จีนประกาศเปิดเมือง (China reopening) รอบนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ที่มีการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจีนสามารถเดินทางในรูปแบบกรุ๊ปทัวร์ไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยรายชื่อที่สำคัญของประกาศครั้งนี้ ได้ครอบคลุมไปยังประเทศเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ทั้งนี้ LH Bank Advisory คาดว่าได้ส่งผลใน 2 ด้าน ได้แก่ 1. กระตุ้นให้คนจีนเกิดความต้องการใช้จ่ายมากขึ้น ผ่านการเดินทางและการจับจ่ายสินค้าเพิ่มขึ้นเพื่อการท่องเที่ยว หลังจากรายงานเงินเฟ้อจีนเข้าสู่ภาวะเงินฝืด -0.30% YoY สะท้อนภาพของอุปสงค์การบริโภคที่อ่อนแอ และ 2. การอนุญาตเดินทางไปยังต่างประเทศ รวมถึง สหรัฐฯ ได้สร้างบรรยากาศให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของจีนมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติสามารถเดินทางเข้าไปยังที่ประเทศจีนเช่นกัน

ซึ่ง LH Bank Advisory มองว่าการเปิดประเทศของจีนครั้งนี้ส่งผลเชิงบวกต่อการฟื้นตัวภาคการบริโภคจีนได้บางส่วน แต่ด้วยปัญหาที่จีนเผชิญจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ครองสัดส่วนใหญ่สุดของการบริโภคกำลังซบเซา จึงทำให้ในระยะสั้นดัชนีหุ้นจีนอาจจะไม่ได้ฟื้นตัวจากมาตรการนี้มากนัก ขณะที่การกลับมาเปิดประเทศของจีนที่มีความชัดเจนและครอบคลุมหลายประเทศมากขึ้น ได้สร้างอานิสงส์แก่กลุ่มท่องเที่ยวโลก เนื่องจากปริมาณเงินออม (Saving) ของผู้บริโภคจีนยังอยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ สวนทางกับปริมาณเงินฝากของประเทศอื่น ๆ ที่ทางเราได้รายงานไปก่อนหน้า ว่าปริมาณเงินฝากลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากเงินเฟ้อสูง และแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยสูง จนเป็นเหตุให้ปริมาณการท่องเที่ยวชะลอตัวลง ดังนั้นการเปิดให้กรุ๊ปทัวร์จีนออกเดินทาง ถือว่าเป็นกระแสเงินใหม่ที่หนุนอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกผ่านการบริการท่องเที่ยว

ด้วยเหตุนี้เรามีมุมมองเชิงบวกในระยะสั้น (Slightly Positive) กับกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากกลุ่มท่องเที่ยว จากกระแส China Reopening ที่เด่นชัดอีกครั้ง พร้อมกับความต้องการเดินทางท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาส 3 ซึ่งจะเป็นช่วง high season จะช่วยหนุนให้กลุ่มท่องเที่ยวให้ฟื้นตัว กองทุนที่ได้รับประโยชน์จากประเด็นดังกล่าว คือ TMB-ES-CHILL กับ SCBTRAVEL

ซึ่งถ้าเจาะจงกองทุนที่มีความโดดเด่นรับประโยชน์จากข่าวการเปิดประเทศของจีนโดยตรง ถือว่า SCBTRAVEL มีความน่าสนใจ เนื่องด้วยเน้นลงทุนในกองทุน ETF หลายกองทุนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการท่องเที่ยวและสันทนาการผ่านธีมการลงทุน “BEACH” ซึ่งประกอบไปด้วยธุรกิจจองตั๋วและที่พัก (Booking agency) ธุรกิจบันเทิงและสันทนาการ (Entertainment) ธุรกิจสายการบิน (Airlines) ธุรกิจเรือสำราญ (Cruise) และธุรกิจโรงแรม (Hotels) ส่วนประเด็นเชิงลบที่กองทุนมีสัดส่วนลงทุนใน STOXX 600 Travel& Leisure ที่ถูกกดดันจากประเด็นรัสเซียกับยูเครน ทางเรามองว่าประเด็นความตึงเครียดนี้แม้มีความยืดเยื้อแต่ไม่บานปลาย ซึ่งคาดว่าราคาหน่วยลงทุนที่ลดลงไปก่อนหน้านี้ได้สะท้อนถึงผลกระทบจากข่าวดังกล่าวไปมากแล้ว ขณะที่ในระยะยาวกลุ่มท่องเที่ยวมีแนวโน้มรายได้ชะลอตัวตามการเติบโตเศรษฐกิจโลกที่เข้าสู่ช่วงถดถอย

ส่องโอกาสการลงทุนตลาดหุ้นอินเดีย 

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์ GDP ของอินเดียในปี 2566 จาก 5.9% เป็น 6.1% และ Fitch บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้ปรับเพิ่ม GDP ของอินเดียในปีนี้จาก 6.0% เป็น 6.3% ซึ่งคาดว่าอินเดียจะเป็นเศรษฐกิจหลักที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกในปีนี้ ทาง LH Bank Advisory ได้ประเมินมุมมองต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นอินเดีย ดังนี้

  • เมื่อพิจารณาจากดัชนี PMI (Purchasing Managers Index) ภาคบริการในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นสูงถึงระดับ 62.3 ภาคการผลิตอยู่ที่ระดับ 57.7 และดัชนีรวม (Composite PMI) อยู่ที่ระดับ 61.9 ซึ่งดัชนีอยู่เหนือระดับ 50 เป็นเวลานานถึง 2 ปี บ่งชี้ว่าภาคการผลิตและภาคบริการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ได้กระตุ้นความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ส่งผลให้บริษัทต่างๆ เพิ่มจำนวนพนักงานตามคำสั่งซื้อสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • ด้านอัตราเงินเฟ้อ CPI พุ่งแตะระดับ 7.44%YoY ในเดือนก.ค. จากระดับ 4.87%YoY ในเดือนมิ.ย. เนื่องจากราคาอาหารและผักพุ่งสูง ขณะที่ธนาคารกลางอินเดียกำหนดเป้าหมายระยะกลางของอัตราเงินเฟ้อไว้ที่ 4% โดยธนาคารกลางอินเดียมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 6.5% ซึ่งเป็นการคงดอกเบี้ยในการประชุม 3 ครั้งติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม ความน่าจะเป็นในการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากประเมินว่าการขึ้นราคาอาหารเป็นเพียงผลกระทบชั่วคราวหลังอินเดียกำลังเผชิญกับสถานการณ์เอลนีโญและภัยแล้ง ซึ่งทางรัฐบาลได้มีการระงับการส่งออกข้าว เพื่อป้องกันการพุ่งขึ้นของราคาข้าวภายในประเทศ
  • แม้ตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จะลดลง ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม อินเดียยังเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ จากกลยุทธ์ในการกระจายห่วงโซ่อุปทานออกไปนอกประเทศจีนและความได้เปรียบด้านประชากร โดยอินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรวัยแรงงานจำนวนมากและค่าแรงไม่สูงนัก
  • ตลาดหุ้นอินเดียมีปัจจัยหนุนจากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าต่อเนื่อง ตามการคาดการณ์ผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ส่งผลให้มีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นอินเดียทั้งสิ้น 14.82 พันล้านดอลลาร์ ใน 7 เดือนแรกของปีนี้

ทาง LH Bank Advisory ประเมินว่าเศรษฐกิจอินเดียยังมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตที่ดี แม้ด้านระดับราคา (Valuation) ของตลาดหุ้นอินเดียอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน แต่ถูกปรับการคาดการณ์กำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ตลาดหุ้นอินเดียยังคงมีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับโอกาสการเติบโตที่สูงในอนาคต โดยแนะนำกองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ (KT-INDIA-A) ซึ่งมีกลยุทธ์การบริหารแบบเชิงรุก (Active Management) มุ่งเน้นคัดเลือกหุ้นคุณภาพดีและมีศักยภาพในการเติบโต (Quality Growth) เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการเติบโตของมูลค่าเงินลงทุนในระยะยาว

Weekly Report 21-08-2023

Announcement on 21 August 2023

Related articles