“รอให้อายุเพิ่มมากขึ้น เพื่อที่จะมีรายได้ที่สูงขึ้นหรือมีเงินเก็บเยอะจึงค่อยเริ่มวางแผนเกษียณอายุ” นี่คือความเข้าใจผิดที่หลายคนเป็น เกี่ยวกับการเกษียณอายุ
เพราะในความเป็นจริงแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น น้อยคนนักที่จะมีเงินเก็บเพียงพอ และถึงแม้จะมีรายได้เยอะก็มักจะมีรายจ่ายเยอะเช่นเดียวกัน
การวางแผนเกษียณอายุที่ง่ายและดีที่สุด คือ การวางแผนเกษียณอายุให้เร็วที่สุด การวางแผนเกษียณอายุให้เร็วที่สุด คือ วางแผนตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้นทำงาน เพราะด้วยเวลาที่มากพอจะสามารถทำให้เราเกษียณอายุได้อย่างมีคุณภาพและมีชีวิตหลังเกษียณที่ดีได้อย่างมีความสุข
เกษียณอายุอย่างมีคุณภาพ (Retire Rich) คืออะไร ?
การเกษียณอายุอย่างมีคุณภาพ คือ การเกษียณอายุที่ไม่ได้มีแค่เงินพอใช้สำหรับ “ค่าใช้จ่ายพื้นฐาน” ประจำวันเท่านั้น แต่หมายถึงการเกษียณอายุที่มีเงินมากพอ สำหรับค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้นทุกปี และให้เราสามารถมีไลฟ์สไตล์ที่ใกล้เคียงกับในช่วงก่อนเกษียณอายุได้ ยังเดินทางไปท่องเที่ยวในสถานที่ที่อยากไป รับประทานอาหารดี ๆ หรือมีเงินมากพอที่จะสามารถจับจ่ายใช้สอยได้ตามที่คาดหวังและมีความสุข
แต่ก็ต้องยอมรับว่าการเกษียณอายุเป็นแผนระยะยาว ถ้าหากขาดการวางแผนที่รอบคอบและไม่มีวินัยมากพอในการทำตามแผน ก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จได้ คงไม่สนุกแน่ ๆ หากเราต้องใช้เงินที่มาทั้งชีวิต เพื่อที่จะมาจ่ายค่ารักษาพยาบาล เมื่อวัยเกษียณที่เราเอาก็ไม่มีรายได้ วิธีการวางแผนนั้นสามารถเริ่มได้จากการคำนวณเงินที่อยากใช้จ่ายในช่วงที่เกษียณอายุ รวมกับประกันสุขภาพที่ควรมี
เช่น หากเราอยากมีเงินใช้จ่ายเดือนละ 50,000 บาท นั่นแปลว่า เราจะต้องเตรียมเงินไว้อย่างน้อย 600,000 บาทต่อปี ก็ต้องเริ่มคำนวณเงินเฟ้อจากปีปัจจุบันไปจนถึงปีที่เราเกษียณอายุ
หากเราอายุ 25 ปี และต้องการเกษียณเมื่ออายุครบ 60 ปี ก็จะมีเวลาเหลือ 35 ปีในการเก็บเงิน ในขณะเดียวกันเงิน 600,000 บาท ที่เราตั้งเป้าหมายไว้ หากคิดอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 3% ต่อปี เมื่อเราอายุครบ 60 ปี เงินเฟ้อจะเติบโต 2.81 เท่า หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 1,686,000 บาท
ซึ่งหากเราวางแผนจะใช้เงินจนถึงอายุ 85 ปี ต้องนำเงิน 1,686,000 บาท ไปคูณ 25 ปี นั่นหมายความว่าต้องมีเงินตอนเกษียณอายุอยู่ที่ 42,150,000 บาทเป็นอย่างน้อย
มาถึงจุดนี้ หากคิดง่าย ๆ ก็คือ ในทุก ๆ ปี เราต้องออมเงินปีละ 1,200,000 บาท หรือเดือนละ 100,000 บาท เป็นเวลา 35 ปี ถึงจะมีเงิน 42,150,000 บาท เพื่อเกษียณอายุได้ ซึ่งหากมองในมุมของคนวัยทำงานอายุ 25 ปี ที่มีรายได้ 20,000-30,000 บาท ก็อาจจะดูเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เพื่อทำให้เราสามารถไปถึงเป้าหมายการเกษียณอายุอย่างมีคุณภาพได้ เราจึงต้องใช้ตัวช่วยอย่างการลงทุน ซึ่งการลงทุนระยะยาว 20-30 ปี นั้น การจะสร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ต่อปี เป็นเรื่องที่ยังสามารถทำได้ไม่ยากจนเกินไป
อีกหนึ่งเครื่องมือที่จะช่วยในการวางแผนก็คือ ประกันชีวิต แบบบำนาญ
Happy Retire 855 ที่จ่าย 5 ปี และได้รับเงินบำนาญปีละ 20% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ตั้งแต่อายุครบ 60-85 ปี นานสูงสุด 26 ปี เงินบำนาญตลอดสัญญาสูงสุด 520% และยังการันตีจ่ายเงินบำนาญ 15 ปี มีคุ้มครองกรณีเสียชีวิตก่อนรับบำนาญ สูงสุด 150% ของเบี้ยที่ชำระมาแล้ว
ตัวอย่าง
ผู้ชายอายุ 25 ปี อยากมีเงินใช้จ่ายเดือนละ 50,000 บาท ปีละ 600,000 บาท วางแผนเกษียณช่วง 60-85 ปี ตามแผน Happy Retire 855 จะได้รับเงินบำนาญปีละ 20% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย หากต้องการเงินปีละ 600,000 บาทจะต้องมีทุนประกัน 3 ล้านบาท โดยแผนที่วางจะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ โดยใช้เวลาทั้งหมด 15 ปี เพื่อไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้
เริ่มจากซื้อประกันเมื่ออายุ 25ปี เริ่มที่ทุน 500,000 บาท เบี้ยปีละ 100,000 บาท เฉลี่ยเดือนละ 8,333 บาท เป็นระยะเวลา 5 ปี และเมื่อถืออายุ 30 ปี เพิ่มทุนประกันเป็น 1 ล้านบาท เบี้ยเฉลี่ยเดือนละ 16,667 บาท ชำระ 5 ปี เมื่อถืออายุ 35 ปี เพิ่มเพิ่มทุนประกันเป็น 1.5 ล้านบาท ค่าเบี้ยเฉลี่ยเดือนละ 25,000 บาท โดยรวม 15 ปี แล้วจ่ายเบี้ยทั้งหมด 5,450,000 บาท จะได้รับเงินเกษียณปีละ 600,000 บาท หรือเดือนละ 50,000 บาท การันตี 15 ปี รวมเป็นเงิน 9 ล้านบาท คิดเป็น 300% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย แต่ถ้าคุณรับเงินบำนาญจนถึงอายุ 85 ปี จะได้รับเงินทั้งหมดคิดเป็น 520% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย และมีคุ้มครองกรณีเสียชีวิตก่อนรับบำนาญ สูงสุด 150% ของเบี้ยที่ชำระมาแล้ว
โดย ประกันชีวิตแบบบำนาญ ยังมีผลประโยชน์ ทางด้านภาษีที่เพิ่มเติมเข้ามาในแต่ละปีสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 200,000บ. ส่วนเบี้ยประกันยิ่งอายุน้อยเบี้ยก็จะถูก ยิ่งเริ่มวางแผนเกษียณตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ ก็จะมีความเสี่ยงน้อย
จากตาราง หากเราต้องการออมเงินให้ถึง 42,150,000 บาท ภายใน 35 ปี เราจะต้องออมเงินอย่างน้อย 20,000 บาท ต่อเดือน ด้วยพลังของดอกเบี้ยทบต้นทำให้เราสามารถใกล้เป้าหมายของเรามากขึ้น ซึ่งถ้าหากใครออมเงินเดือนละ 20,000 บาทไม่ไหว ก็อาจจะเลือกที่จะลดเป้าหมายให้เล็กลง ขยายระยะเวลาออม ระยะเวลาทำงาน เพื่อที่จะให้เป้าหมายดูจะเป็นจริงขึ้น ข้อดีของการวางแผนก็คือ ช่วยให้เราเห็นภาพความเป็นจริงว่าสิ่งที่เราต้องการกับความเป็นจริงเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
แต่ถ้าหากใครยังอยากได้การเกษียณอายุอย่างมีคุณภาพแบบที่ตั้งไว้ตอนแรก ก็มีอีกเทคนิคหนึ่งที่ช่วยได้ คือ ออมเงินเพิ่มขึ้นทุกปี เพราะในปีแรก ๆ ที่เริ่มทำงาน ทุกคนต่างมีเงินเดือนไม่สูงนัก แต่หลังจากนี้เราก็จะมีการเติบโตของรายได้สูงขึ้น เมื่อมีอายุงานที่มากขึ้น ซึ่งหากเรามีการออมเงินเพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น ก็จะยิ่งทำให้เป้าหมายเกษียณอายุของเรามีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นเช่นกัน